2555/06/24

พอดิ้นรนจะหาทางไปต่อถึงจำได้ว่า อ๋อ ความรู้สึกมันแย่อย่างนี้นี่เอง

มันเห็นแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ลอยเต็มไปหมดเลย

ถึงเพิ่งนึกออกว่าเมื่อ Arts Fission ตอบแล้ว เราถึงรู้สึกว่ามันสว่างไสว

จำได้แล้วว่าทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราถึงเลิกฝัน เลิกคิดไปเลย

การสู้คนเดียวมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง

แรงบ้ามันหายไป หายไปหมดเลย

การจะไปให้ถึงเมืองนอกทำไมมันยากอย่างนี้หนอ

ยิ่งการจะฝันให้ไปถึงตรงนั้น มันยิ่งทำได้ยากยิ่งกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องไปคนเดียว

มันว่างเปล่าจนต้องร้องไห้เอาความว่างเปล่าออกมา

บอกตัวเองซ้ำๆ ในหัวว่าต้องไปต่อ

แต่จะไปยังไงล่ะ จะไปถึงตรงนั้นยังไง

เหงามากๆ เหงาสุดๆ คิดถึงเจซี่ อยากให้เจซี่กอด

คิดถึงเจน อยากให้เจนบอกว่ามันเป็นไปได้

อยากให้เพื่อนบอกเราว่า ไปด้วยกัน

เราจะเชื่อตราบที่อีกคนยังเชื่อ

ไปด้วยกัน ไปด้วยกัน

ตราบที่ความฝันยังคงดิ้นพล่าน

และศรัทธานั้นยังเป็นของเรา


ฉันกระโดดข้ามทะเลมา

และตอนนี้ฉันจะต้องปีนภูเขาแอลป์

ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน

แต่ฉันก็ไม่เห็นความเป็นไปได้เลยถึงการไปต่อข้างหน้า


นึกถึงคำพูดคำพูดหนึ่ง

คนที่ล้มเหลว คือคนที่หันหลังกลับ

โดยไม่สำเหนียกว่า ตัวเองอยู่ใกล้จุดหมายแค่ไหนแล้ว


แต่การที่เห็นความเป็นไปไม่ได้รอบตัวขนาดนี้

วูบหนึ่งจึงคิดไปถึงความฝันเรียบๆ อีกอันที่มีคู่ขนานกันมา

..ฝันคู่ขนาน.. เพราะดีเหมือนกัน

ต้นไม้ โยคะ หนังสือ กาแฟ สวนแก้วมังกร บ้านต่างจังหวัด

..โอย ฉันเหนื่อย


:'(


น้ำตาที่ไหลเธอไม่เห็น

เพราะเธอปล่อยให้ฉันเดินคนเดียว

ทางเส้นนี้ คนไม่เข้มแข็งเดินไม่ไหวจริงๆ

ไม่ไหวจริงๆ


รู้สึกเหมือนกำลังเดินขึ้นเขา

เหนื่อย แต่ก็ต้องไป ไม่งั้นก็ต้องเดินลง

ไม่อยากลง เพราะตอนขึ้นมันเหนื่อย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ก้าวต่อไปได้เรื่อยๆ ก็คือความเชื่อ

มองไม่เห็นหรอกบนนั้น จากมุมล่างมันมองไม่เห็นหรอก

มีแค่ความเชื่อเท่านั้น เชื่อว่าบนนั้นต้องมี

มีสิ่งที่ฝัน มีสิ่งที่มองหา

ถ้ามีเพื่อนเดินด้วยกันเหมือนแต่ก่อนก็คงดี


หรือจริงๆ แล้วเราก็ยังคงเดินด้วยกัน

เพียงแต่ว่า ไม่ได้เดินจูงมือกันแค่นั้นเอง

หรือว่า .. เราอยู่กันที่เขาคนละลูกเสียแล้ว

เราจึงมองไม่เห็นกัน


ไม่มีความคิดเห็น: