2551/05/06

เมื่อต้อง "นั่งเฉยๆ"

อีกบทหนึ่งในชีวิต
ทั้งเจ็บ ทั้งเหงา ทั้งกลัว
พยายามจะมองมันเป็นโอกาส
ที่จะได้ "นั่งเฉยๆ"

ได้พักแล้วไง พักนานเลย
ชอบไม่ชอบ จะไปคิดถึงมันทำไม
มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาสิ่งดีๆจากมัน
ก็ดีนะ ครูจะได้ทำพื้นใหม่สักที
เราเอากระดูกเข้าแลกขนาดนี้

ถือว่าเป็นการตายในหน้าที่ถึงสองต่อ
ต่อแรกคือล้มตอนซ้อมที่ Dance Centre
ต่อที่สองคือลากเท้าพังๆไปทำงานให้ a day ต่อ
หมอบอกว่าก็เพราะทิ้งไว้วันหนึ่งนี่แหละ
ที่ทำให้กระดูกมันเลื่อนห่างจากกันมากขึ้น
มันก็เลยต้องทนปวดตอนที่หมอบีบกระดูกเข้าหากัน
แต่ก็ดีไปอย่าง การที่เราได้ไปเข้าร่วม "ชุมนุมโยคี" นั้น
ก็ทำให้รู้จักเราเครื่องมือที่จะสอนให้เรา "นั่งเฉยๆ" ได้

แต่อะไรก็ช่างเถอะ ถามหมออยู่อย่างเดียว
จะเต้นต่อไปได้ไหม
หมอยิ้ม แล้วก็บอกว่า ได้สิ ไม่มีปัญหาหรอก

พอได้คุยกับพี่อรใน msn
แล้ววันต่อมาได้คุยกับครูติ๊บกับพี่เอ๋ทางโทรศัพท์
ความรู้สึกนั้นมันอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อทุกคนต่างยืนยันว่าไม่เป็นไรหรอก
ครูติ๊บบอกว่าครูดีใจที่หักตรงนั้น ไม่ใช่ข้อเท้า
เพราะถ้ามันหาย มันก็หายเลย
ส่วนพี่เอ๋ก็บอกว่าเขาเข้าใจดีว่ามันต้องปวดขนาดไหน
พี่อรก็บอกว่าหายอยู่แล้ว เราอย่าซนมากก็แล้วกัน

ถึงจะรู้สึกดีขึ้นแต่ว่าก็เสียดายเหมือนกัน
อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าไปเต้นตอน 8 โมงครึ่งทุกวัน
จนอะไรๆเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง และหาตัวเองเจออีกครั้ง
ล้มครั้งเดียว อะไรๆก็จบเลย ต้องมาเริ่มกันใหม่
ใครหนอที่พูดไว้บ่อยๆว่า ชีวิตเราช่างเปราะบาง
จะไม่ได้เต้นไปกี่เดือนหนอ

เอาน่า...ในสิ่งที่แย่ มันต้องอะไรที่ดีๆเสมอ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนฝากร่องรอย
ถึงแม้ว่าเราจะมองไม่เห็นผลดีของมันในวันนี้
แต่ "ประสบการณ์" ในวันนี้
จะเชื่อมต่อไปบอกอะไรเราในวันข้างหน้า ไม่ทางก็ทางหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ดีเสมอ

กำลังเปิดใจยอมรับ
และ "นั่งเฉยๆ"

2551/05/01

บทสัมภาษณ์จาก a team junior 5

DANCE THERAMI
กองบรรณาธิการ

เธอเป็นนิสิตจุฬาคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกำลังรอรับปริญญาเธอทำงานให้กับกลุ่มองค์กรเพื่อสังคม และในอีกทางเธอก็เป็นครูสอนบัลเล่ต์ที่น่ารักสำหรับเด็กๆเธอบอกว่าการเต้นไม่ใช่แค่กิจกรรมแต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

สาขาวิชาที่คุณได้เรียนมีอิทธิพลในต่อความคิดของคุณไหม
ก็มีนะ ตอนแรกเราเองก็ไม่เข้าใจว่าเราจะเรียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปทำไม แต่พอเราเรียนเรื่องปรัชญา เรื่องทฤษฎี เราก็รู้ว่า เฮ้ย นี่มันมันใช่เรื่องระหว่างรัฐกับรัฐแล้วนะ มันเป็นเรื่องระหว่างคน เป็นเรื่องของจิตใจคน มันทำให้เราไม่ได้มองคนแค่คน แต่เราต้องมองเข้าไปที่ข้างใน มองว่าทำไมเขาคิดอย่างนี้ ทำให้เรามองคนได้ลึกขึ้น

จุดเริ่มต้นความสนใจในกิจกรรมต่างๆมาจากอะไร
แรกเลยคือแม่ให้เต้น ก็เต้นมาเรื่อย เต้นมา 18 ปีจนตอนนี้เราชอบ เรารัก เราเลยไม่ได้มองการเต้นเป็นกิจกรรมแล้ว เรามองการเต้นว่ามันป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อย่างการเลือกเรียนรัฐศาสตร์เราก็รู้ว่า อืม... โลกมันเป็นอย่างนี้ ๆ มันก็เลยทำให้การมองโลกของเราออกไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ เราก็ไม่ได้อยากอยู่เพื่อตัวเราแล้ว แต่อยากทำตัวเพื่อสังคมบ้าง การได้เข้ามาทำงานกับองค์กรในด้านนี้ มันก็ช่วยยืนยันในสิ่งที่เราคิดว่าเราคิดถูกแล้วนะ ถ้าพูดให้ง่ายคือเราไม่ได้คิดจะอยู่เพื่อตัวเอง เราต้องอยู่เพื่อคนอื่นบ้าง อยากหาความหมายให้กับชีวิต แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าเราเต้นไปทำไม

แล้วตอนนี้คุณรู้หรือยังว่าจะเต้นไปเพื่ออะไร
เราได้มารู้จักกับศาสตร์การเต้นบำบัด เป็นการเอาวิชาการเต้นและวิชาปรัชญา จิตวิทยามารวมกัน ทำให้เราได้รู้แล้วว่าจะทำอะไรต่อ เราอยากเอาสิ่งที่เรามีไปใช้ประโยชน์ มันทำให้เราคิดว่าเราไม่ได้แค่อยากจะเต้นเก่งและเป็นนักแสดงอยู่บนเวที แค่นั้นมันไม่พอ มันต้องมีอะไรเพื่อคนอื่นที่มากกว่านั้น เราเชื่อว่ามันต้องช่วยคนได้ เราไม่ได้อยากเต้นเพื่อตนเองแล้ว เราเอาการเต้นไปทำให้คนอื่นมีความสุข พอเราเจออย่างนี้มันเหมือนเป็นแสงสว่างเลย ยิ่งย้ำความเข้าใจ ว่าเราจะเต้นไปเพื่ออะไร

ก่อนขึ้นเวทีในแต่ละครั้ง คุณบอกอะไรกับตัวเอง
เราจะบอกกับตัวเองว่าเวทีนี้คือของเรา ขึ้นเวทีแล้วเราก็ไม่สนใจใคร บนเวทีมันจะมีไฟทำให้มองไม่เห็นหน้าคนดู เราจะรู้สึกว่าโลกใบนี้เป็นของเรา คิดว่าถ้าจะเต้นเราจะต้องมีความสุขก่อนแล้วความสุขก็จะไหลไปหาคนดู เราเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าสิ่งที่แสดงออกทางร่างกายมันมาจากจิตใจ เพราะฉะนั้นร่างกายเราทำอะไรมันเรียนรู้ตัวเองนะ โดยเฉพาะการเต้นมันมีความสัมพันธ์อย่างมากระหว่างร่างกายกับจิตใจ เหมือนกับเวลาที่เต้นพอEnergyมันออกมาสุดๆ มันจะรู้สึกเต็มมาก แล้วก็สิ่งนี้เองที่ทำให้เราอยากเต้นต่อไป

ถ้าโจทย์การเต้นครั้งต่อไปคือ “a team junior 5” คิดว่าจะเลือกเต้นแนวอะไรถึงเหมาะกับโจทย์นี้ที่สุด
คงจะเป็นคอนเทมโพรารีแดนซ์ เพราะการเต้นแนวนี้มันไม่มีคำจำกัดความ สามารถตีความได้หลายอย่าง เหมือนกับการเอาอะไรหลายๆอย่างมารวมกัน อย่างพวกเรา 15 คน

คิดว่าในอนาคตคุณยายมี่ในอายุ 72 ปี กำลังทำอะไรอยู่ จะยังเต้นอยู่ไหม
ก็อยากเต้นจนกว่าจะไม่มีแรง จนกว่าจะตายกันไปข้าง...


จุลรมณ์ จุลกะ > เรื่อง
มนมัย รอดเพชร > ภาพ






-------------------------------

-------------------------------

-------------------------------

-------------------------------





วันนี้เป็นวันแรกที่รู้สึกเหนื่อย
เหมือนกับจะยังประกอบร่างไม่เสร็จ
ทั้งๆที่ก็ตื่นตั้งแต่เช้า
แต่ป่านนี้แล้วก็ยังไม่ออกจากบ้าน
ไม่รู้จะขี้เกียจไปถึงไหน
วันนี้สับสนและงงๆ
เมื่อวานนี้ก็เหนื่อยมากหิวข้าวแต่ก็กินอะไรไม่ลง

นาโรปะตอบกลับมาแล้ว
เหลืออีกยี่สิบกว่าวันให้เราจัดการ
แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเรียน anatomy ที่ไหน

---------------