2550/12/05

เราต้องการอะไร

วันนี้เพื่อนมาขอความช่วยเหลือ
ให้เราคิดท่าเต้นเพื่อไปประกวดให้
เห็นเพื่อนสวยขึ้น รูปร่างดีเชียว
ไอ้เราก็อดอิจฉาไม่ได้
วันนี้วันพ่อ กินเยอะไม่รู้เรื่องเลยด้วย
ซ้อมเสร็จก็นั่งคุยกัน
เพื่อนถามถึงชีวิตที่ฮ่องกงว่าเป็นไงบ้าง
เหมือน rewind เทปม้วนเก่า
ภาพในวันเวลาเหล่านั้นย้อนกลับมาหมด
แปลก...ที่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ กลับมีแต่ภาพวันดีๆ
ส่วนวันที่เลวร้ายที่ทำให้เราตัดสินใจกลับมา
เรากลับลืมเลือนไปหมดแล้ว
นี่แหละ เรื่องตลกของชีวิต
ได้แค่บอกเพื่อนไปว่า ที่กลับมานี้
เพราะรู้สึกว่า อยู่บ้านเรา เราน่าจะตามความฝันเราได้มากกว่า
แต่จริงๆแล้ว...ช่างเถอะ เราลืมไปหมดแล้วล่ะ
จำได้แต่ว่าเรามีความสุขกับชีวิตเรา
ในโรงเรียน full time ballet school แค่ไหน
ชีวิตที่เกิดมาเพื่อเต้น ทุกลมหายใจคือการเต้น
อาหารทุกคำที่เข้าปาก ก็เพื่อการเต้น
ทุกๆวินาที อุทิศเพื่อ my artistic life
ที่ Ismael Ivo นักเต้นผิวดำ เคยบอกเราไว้ว่า
"...Enjoy your artistic life..."
ทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมา เราอยากจะไปโรงเรียน
แม้ว่าหลังๆเพื่อนบางคนในห้องเรียน
จะแสดงอาการรังเกียจเราอย่างออกนอกหน้าก็ตาม
เราจะไปถึงก่อน 9 โมง เพื่อไปยืดเส้นยืดสาย
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าเรียน
เดินเข้าห้อง Locker เพื่อเก็บกระเป๋าเป้ใบโต
หยิบขนมปังกรอบที่เก็บไว้ใน Locker
แล้วราดด้วยน้ำผึ้งที่ใส่ไว้ขวดซอสที่เก็บไว้ด้วยกัน
หยิบแก้วน้ำที่มีฝาปิดเพื่อเก็บความร้อนออกมา
หยิบเสื้อหนาว และ leg warmer ทำจากไหมพรมสีสวย
หยิบพลาสเตอร์ยาพันเท้า กันเท้าพองติดมือมาด้วย ฃ
แล้วก็มาเกลือกกลิ้งบนพรมตรงระเบียงชั้น 3 นอนกับพื้น
แล้วยกขาขึ้นมาพาดไว้กับกำแพงสากๆ
ที่มี pointe shoes แขวนเรียงรายเต็มไปหมด
หลับอยู่ท่านั้นประมาณ 10 นาที ก่อนจะเปลี่ยนไปหลับท่าอื่น
จน 10 นาทีก่อนเข้าห้องเรียน ถึงลุกขึ้น
แล้วเลือกรองเท้าที่แขวนไว้ตรงกำแพงขึ้นมาคู่หนึ่ง
จากที่เรามีอยู่ 5 คู่ บนราวที่แขวนไว้เกือบ 100 คู่
ริบบิ้นสีชมพูของรองเท้าทั้ง 2 ข้างที่ผูกกันไว้พาดทิ้งไว้บนบ่า
แล้วหยิบแก้วน้ำที่เอามาจาก Locker ไปเติมน้ำ
แล้วเดินเข้าห้องเรียน เพื่อไปจองที่ยืนที่ถูกใจ
มือเกาะ Barre สะบัดขา ยืนตัว สารพัดวิธีจะวอร์ม


................................


................................

................................

(ข้อความที่เขียนไว้เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2550 ใน bloggang
ชีวิตที่ฮ่องกงก็ไม่เลว จะว่าไปฉันมีความสุขกับการเรียนมากๆ
ตื่นมา 9 โมงเช้าก็เรียนบัลเล่ต์ 3 ชั่วโมง
บางวันก็เรียน dance education ...เรียนรู้วิธีการสอน
เสียดายที่มันเป็นภาษากวางตุ้งที่ฉันไม่ค่อยกระดิก
ดีที่มีเพื่อนชาวออสเตรเลียที่เกิดที่ฮ่องกงมานั่งแปลให้ฟัง
Thanks. Corinna…I miss you la.
บางวันก็เรียน anatomy อาจารย์สอนเป็นภาษาอังกฤษ
เพราะว่าในชั้นเรียนฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องกันหมด
มีเพื่อนชาวสิงคโปร์มาเรียนด้วย 2 คน ก็เรียนกัน 5 คนเอง
แล้วก็จำได้ว่าวันศุกร์ เราจะเรียน body condition กัน
จัดปรับร่างกายใน posture ต่างๆ โดยมีอุปกรณ์ช่วยมากมาย
คล้ายๆ pilates ที่กำลังเริ่มแพร่เข้ามาในประเทศไทย
ส่วนตอนบ่ายเรามีเรียน labanotation...การอ่านโน้ต
คล้ายๆดนตรี มีบรรทัด 5 เส้น ตัวโน้ต ตัวหยุด สนุกดี
ฉันเข้าเรียน contemporary dance ด้วย เป็นวิชาเลือก
แล้วก็เรียนวิชา choreography กับ Mr.John ชาวออสซี่
อ้อ...ฉันต้องเรียนโซโล่จากบัลเล่ต์เรื่องต่างๆด้วย
Miss Stella เป็นคนสอน เธอเป็นคนน่ารักมากๆ
เต้นสวย ยิ้มสวย ใจดี ฉันคิดถึงเธอที่สุดแล้วในตอนนี้
แต่ละวันฉันเลิกเรียนประมาณ 5 โมง
แต่ฉันจะอยู่ที่โรงเรียนจนถึงเกือบเที่ยงคืน ประตูปิดโน่นแหละ
ทำอะไรน่ะเหรอ...ก่อน 3 ทุ่ม ฉันจะอยู่ที่ห้องสมุด
ให้ตายเถอะ มันเป็นห้องสมุดในฝันของฉันจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดนตรี การเต้น วรรณคดีต่างๆฉันสนใจทั้งนั้น
แถมยังมีเพลงให้ฟัง มีหนังให้ดูด้วย
ก็มันคือ Hong Kong Academy of Performing Art นี่นา
หลังจาก 3 ทุ่ม ห้องสมุดปิดแล้ว ฉันก็ไปอาบน้ำในห้อง locker
เพราะคนอื่นจะอาบกันตั้งแต่เลิกเรียน
แล้วก็กลับบ้านกันไปหมดแล้ว
ฉันไม่ชอบอาบน้ำที่อพาร์ทเมนต์ เพราะผู้ชายอยู่เยอะ แล้วก็ไม่สะอาด
แต่มันดีตรงที่มันอยู่เดินจากโรงเรียนไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น
กลางคืนไม่มีรถแล้ว ก็เลยไม่มีฝุ่น ฉันก็เข้าบ้านแล้วขึ้นเตียงนอนได้เลย
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาหมกที่ computer laboratory
ทำรายงานบ้าง....มีเหมือนกันแหละ แต่ว่าไม่หนักหนาเท่าตอนนี้
มันเป็นวิชาบังคับคือ civilization
ก็สนุกดี ไม่เครียดเลย
ตอนนั้นยังไม่เล่น bloggang ไม่งั้นคงนั่ง up blog ทั้งคืน
ก็ได้เขียนกลอนใน Thaipoem มั่ง
font ภาษาไทยก็ไม่มีก็เลย search หาพยัญชนะ-สระ
แล้วก็ copy paste เอาทีละตัว
บางวันก็เขียนไดอารี่ใน bangkokcity มั่ง
กลับไปอ่านตอนนี้ ยังมองเห็นภาพวันเวลาเหล่านั้นได้ชัดเจนเหลือเกิน

................................


................................


................................

เรานั่งฝอยให้เพื่อนฟังจนได้เวลากลับบ้าน
แล้วเราก็ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริง
โลกที่ความใฝ่ฝันมันไกลห่างออกไปทุกที
เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เรายังอยากจะเต้นอยู่รึเปล่า
เราคิดถึงชีวิตอย่างนั้น แต่สำหรับชีวิตตอนนี้
มันดูเป็นเส้นขนานกัน ก็เท่านั้นเอง
โรงเรียนเต้น "สุดที่รัก" ของเราก็ทำเราช้ำอีกแล้ว
เราไม่รู้ว่าเป็นเพราะโรงเรียน "สุดที่รัก"
ที่เราอยู่กับมันมา 17 ปีนี่รึเปล่า
ที่ทำให้ไฟเรามอดดับลงทุกวันๆ
เราปฏิเสธการไปปรากฎตัว
เราปฏิเสธการเข้าเรียน
จิตใจเราพยายามจะหลีกหนีจากการสอน
แต่เรารักชีวิตของเราที่ฮ่องกง
จริงๆแล้วเราต้องการอะไรหนอ
...เราต้องการอะไร...