2551/04/30

ปิดหู ยกหาง

เสียงเพลง
ปลุกเร้า
ความรู้สึก
แผ่ซ่าน
รับรู้ รับฟัง
รับรสท่วงทำนอง

ภาพสะท้อน
ใช่ของจริง
ถ้าหลงมอง
อาจติดกับ
รับรู้ รับฟัง
ส่ำเสียงอื้ออึง

ร่ำร้อง
จากภายใน
เร่งเร้า
จากภายนอก
รับรู้ รับฟัง
ตกอยู่ตรงกึ่งกลาง

ก๊องแก๊ง
สองเสียงกระทบ
เลือกไป
ตามคำเร้า
รับรู้ รับฟัง
เพียงเสียงเดียว

โลดแล่น
ไม่ลดละ
ตามติด
จนติดพัน
รับรู้ รับฟัง
แต่แล้วกลับเงียบหาย

เงี่ยหูค้นหา
ไม่มีเสียงใด
จึงหยุด
นั่งเฉยๆ
รับรู้ รับฟัง
เสียงภายในที่แห้งเฉา

จมดิ่ง
กลับยิ่งไพศาล
นิ่งงัน
กลับยิ่งเคลื่อนไหว
รับรู้ รับฟัง
พลังที่กลับฟื้น

เสียงเพลง
ยังปลุกเร้า
เข้ากับจังหวะ
การเต้นของหัวใจ
รับรู้ รับฟัง
เคลื่อนไหวตาม

เสียงข้างนอก
เดี๋ยวพูดเดี๋ยวหยุด
เสียงข้างใน
หนุนเนื่องไม่ขาด
รับรู้ รับฟัง
เปิดหูกว้างขึ้น

ยิ่งกว้าง
ยิ่งลึก
ยิ่งเปิด
ยิ่งได้ยิน
รับรู้ รับฟัง
รับรสจากหัวใจ

ก๊องแก๊ง
กระทบกระทั่ง
กลั่นกรอง
แล้วเลือกเอา
รับรู้ รับฟัง
จึงร่ายรำจากภายใน

2551/04/27

วันนี้...แย่จัง

เอื่อย เฉื่อย และเนือย
ชีวิตพร่ามัวเหมือนควันไฟ
เผาไหม้ให้แสบตาจนน้ำตาไหล
จะไปทางไหนดี

เด็กนักเรียน
เราเคยมั่นใจที่จะสอนเขาหรือ
ไม่เลย ไม่เลย
สิ่งที่ทำไปทั้งหมด ทำไปทำไม
ไม่ทุ่มเทหรือ ก็ไม่ใช่
แค่ยังไม่อยากผูกมัด
เพราะเราอยากไปให้ไกลกว่านี้
ยังมีเส้นทางมากมายนักให้ค้นหา
เรายังไม่อยากหยุด

แล้วทำไมต้องว่า ทำไมต้องประณาม
โลกที่มันบีบคั้นเราอยู่นี้
มันเป็นโลกจริง
หรือว่าเป็นมายาที่เราเข้าใจว่ามันคือของจริง
ขาที่ก้าวข้ามไม่ได้
ติดอยู่ครึ่งๆกลางๆ
เรามันโชคดีกว่าคนอื่น
มันเลยเท่ากับว่าไม่เอาไหน

ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิต
อยากอยู่บนหลังคาไปเรื่อยๆ
อยากนอนหลับ
แล้วตื่นมาเพื่อพบว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน
อยากจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
อยากเป็นคนไม่มีความมุ่งหวังใดๆเลย
อยากเป็นคนปกติ
อยากเป็นคนที่คิดอะไรเหมือนๆคนอื่น
เพราะคนที่แตกต่างกลายเป็นคนไร้ความสามารถ
เกิดมาเคยไหมล่ะที่จะอยู่ได้ถูกที่ถูกทาง
ไม่เคยเลย

เมื่อไหร่จะจบจะสิ้นเสียที

2551/04/26

ขาดการติดต่อ

ทำไมต้องเศร้าด้วยเล่า
ความคาดหวัง และพลาดหวังใช่ไหม
มากเกินไปหรือเปล่าที่เราจ่อมจมอยู่กับความคิดคนอื่น

ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว
เมื่อเห็นตัวเองในกระจกแล้วต้องถามตัวเองว่า
นั่นตัวเราหรือนี่ ทำไมดูไม่ได้ขนาดนี้
และเสียงตอบรับจากภาพในกระจกก็ยืนยันได้ชัดเจน

แล้วเราก็ตัดสินใจตื่นตีสี่ครึ่งทุกวัน
และกำหนดเวลา class ส่วนตัวตอน 8 โมงครึ่ง
สิ่งเหล่านี้ ต้องใช้พลังใจมากมายอย่างที่ใครๆคงนึกไม่ถึง
ผลเริ่มมาให้เห็นแค่วันที่ 3 ของการซ้อมอย่างบ้าระห่ำนี้
เมื่อได้รู้สึกถึงพลังงานที่ไหลเวียนภายในร่างกาย
คลิก เข้าที่ และความรู้สึกดีๆก็ไหลบ่าออกมาจากภายใน
ใช่...การเต้นทำให้เรารู้สึก "เต็ม" อย่างนี้ได้นี่เอง
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ร้างลาจนลืมเลือน
มันกลับมาแล้ว ช่างเป็นความสุขเสียจริง
สุขจากภายใน สุขด้วยตัวของมันเอง
ไร้ซึ่งการตัดสินใดๆ

การซุ่มซ้อมดำเนินมาด้วยพลังใจอันกล้าแข็งจนกระทั่งวันศุกร์
ตัดสินใจว่า วันนี้แหละเราจะกลับไปเข้า class อีกครั้ง
เราพร้อมแล้ว เรามีความรู้สึกดีๆกับตัวเองแล้ว
ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย
เรามั่นใจ

แต่สิ่งที่คาดหวังไม่อาจะเป็นดังที่หวังได้ทุกครั้ง
เมื่อเราต้องสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
เพราะคาดหวังเสียงตอบรับจากภายนอกมากจนเกินไป
จนลืมจะใส่ใจความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นจากภายใน
วันนั้นเราเต้นท่ามกลางสายตาคนอื่นอย่างหลุดลอย
สิ่งที่ซ้อมมาทั้งหมด เรากลับทำไม่ได้สักอย่าง
ขาดการสื่อสารกับตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งคาดหวัง ยิ่งเสียศูนย์ ยิ่งทำไม่ได้
ความรู้สึกดีกลับตกวูบลงสู่หุบเหวทันที

ไร้สาระอะไรเช่นนี้เมื่อเรามาย้อนคิด
เพราะคาดหวังภายนอก จนเสียงจากภายในเงียบหายไป
แล้วพอขาดการติดต่อ อะไรๆก็แหลกเหลว
งี่เง่าเหลือประมาณ