2551/05/01

บทสัมภาษณ์จาก a team junior 5

DANCE THERAMI
กองบรรณาธิการ

เธอเป็นนิสิตจุฬาคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกำลังรอรับปริญญาเธอทำงานให้กับกลุ่มองค์กรเพื่อสังคม และในอีกทางเธอก็เป็นครูสอนบัลเล่ต์ที่น่ารักสำหรับเด็กๆเธอบอกว่าการเต้นไม่ใช่แค่กิจกรรมแต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

สาขาวิชาที่คุณได้เรียนมีอิทธิพลในต่อความคิดของคุณไหม
ก็มีนะ ตอนแรกเราเองก็ไม่เข้าใจว่าเราจะเรียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปทำไม แต่พอเราเรียนเรื่องปรัชญา เรื่องทฤษฎี เราก็รู้ว่า เฮ้ย นี่มันมันใช่เรื่องระหว่างรัฐกับรัฐแล้วนะ มันเป็นเรื่องระหว่างคน เป็นเรื่องของจิตใจคน มันทำให้เราไม่ได้มองคนแค่คน แต่เราต้องมองเข้าไปที่ข้างใน มองว่าทำไมเขาคิดอย่างนี้ ทำให้เรามองคนได้ลึกขึ้น

จุดเริ่มต้นความสนใจในกิจกรรมต่างๆมาจากอะไร
แรกเลยคือแม่ให้เต้น ก็เต้นมาเรื่อย เต้นมา 18 ปีจนตอนนี้เราชอบ เรารัก เราเลยไม่ได้มองการเต้นเป็นกิจกรรมแล้ว เรามองการเต้นว่ามันป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อย่างการเลือกเรียนรัฐศาสตร์เราก็รู้ว่า อืม... โลกมันเป็นอย่างนี้ ๆ มันก็เลยทำให้การมองโลกของเราออกไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ เราก็ไม่ได้อยากอยู่เพื่อตัวเราแล้ว แต่อยากทำตัวเพื่อสังคมบ้าง การได้เข้ามาทำงานกับองค์กรในด้านนี้ มันก็ช่วยยืนยันในสิ่งที่เราคิดว่าเราคิดถูกแล้วนะ ถ้าพูดให้ง่ายคือเราไม่ได้คิดจะอยู่เพื่อตัวเอง เราต้องอยู่เพื่อคนอื่นบ้าง อยากหาความหมายให้กับชีวิต แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าเราเต้นไปทำไม

แล้วตอนนี้คุณรู้หรือยังว่าจะเต้นไปเพื่ออะไร
เราได้มารู้จักกับศาสตร์การเต้นบำบัด เป็นการเอาวิชาการเต้นและวิชาปรัชญา จิตวิทยามารวมกัน ทำให้เราได้รู้แล้วว่าจะทำอะไรต่อ เราอยากเอาสิ่งที่เรามีไปใช้ประโยชน์ มันทำให้เราคิดว่าเราไม่ได้แค่อยากจะเต้นเก่งและเป็นนักแสดงอยู่บนเวที แค่นั้นมันไม่พอ มันต้องมีอะไรเพื่อคนอื่นที่มากกว่านั้น เราเชื่อว่ามันต้องช่วยคนได้ เราไม่ได้อยากเต้นเพื่อตนเองแล้ว เราเอาการเต้นไปทำให้คนอื่นมีความสุข พอเราเจออย่างนี้มันเหมือนเป็นแสงสว่างเลย ยิ่งย้ำความเข้าใจ ว่าเราจะเต้นไปเพื่ออะไร

ก่อนขึ้นเวทีในแต่ละครั้ง คุณบอกอะไรกับตัวเอง
เราจะบอกกับตัวเองว่าเวทีนี้คือของเรา ขึ้นเวทีแล้วเราก็ไม่สนใจใคร บนเวทีมันจะมีไฟทำให้มองไม่เห็นหน้าคนดู เราจะรู้สึกว่าโลกใบนี้เป็นของเรา คิดว่าถ้าจะเต้นเราจะต้องมีความสุขก่อนแล้วความสุขก็จะไหลไปหาคนดู เราเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าสิ่งที่แสดงออกทางร่างกายมันมาจากจิตใจ เพราะฉะนั้นร่างกายเราทำอะไรมันเรียนรู้ตัวเองนะ โดยเฉพาะการเต้นมันมีความสัมพันธ์อย่างมากระหว่างร่างกายกับจิตใจ เหมือนกับเวลาที่เต้นพอEnergyมันออกมาสุดๆ มันจะรู้สึกเต็มมาก แล้วก็สิ่งนี้เองที่ทำให้เราอยากเต้นต่อไป

ถ้าโจทย์การเต้นครั้งต่อไปคือ “a team junior 5” คิดว่าจะเลือกเต้นแนวอะไรถึงเหมาะกับโจทย์นี้ที่สุด
คงจะเป็นคอนเทมโพรารีแดนซ์ เพราะการเต้นแนวนี้มันไม่มีคำจำกัดความ สามารถตีความได้หลายอย่าง เหมือนกับการเอาอะไรหลายๆอย่างมารวมกัน อย่างพวกเรา 15 คน

คิดว่าในอนาคตคุณยายมี่ในอายุ 72 ปี กำลังทำอะไรอยู่ จะยังเต้นอยู่ไหม
ก็อยากเต้นจนกว่าจะไม่มีแรง จนกว่าจะตายกันไปข้าง...


จุลรมณ์ จุลกะ > เรื่อง
มนมัย รอดเพชร > ภาพ






-------------------------------

-------------------------------

-------------------------------

-------------------------------





วันนี้เป็นวันแรกที่รู้สึกเหนื่อย
เหมือนกับจะยังประกอบร่างไม่เสร็จ
ทั้งๆที่ก็ตื่นตั้งแต่เช้า
แต่ป่านนี้แล้วก็ยังไม่ออกจากบ้าน
ไม่รู้จะขี้เกียจไปถึงไหน
วันนี้สับสนและงงๆ
เมื่อวานนี้ก็เหนื่อยมากหิวข้าวแต่ก็กินอะไรไม่ลง

นาโรปะตอบกลับมาแล้ว
เหลืออีกยี่สิบกว่าวันให้เราจัดการ
แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเรียน anatomy ที่ไหน

---------------

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

susu na...although you lost your apetite but try to eat something la...it will give you energy too!

^^